|
1. เทคนิคการเขียนอารมณ์ใบหน้า |
|
อารมณ์โกรธ - ใบหน้าแรกที่เราจะมาเรียนรู้กันคือใบหน้าโกรธ ถ้าเราเคยสังเกตดีๆ คนโกรธส่วนใหญ่มักมี
ใบหน้าที่ค่อยๆ
แดงขึ้น เราอาจใช้ลูกเล่นเป็นการทำหน้าสีต่างๆ และเราอาจมีลูกเล่นโดยการใช้เป็นลักษณะควันออก
ตามใบหูหรือมีเส้นเลือดปูดขึ้นบน
ใบหน้า จะเป็นลักษณะของการโกรธจัด เราจะดึงจุดเด่นของภาพคนโกรธ
มาจากคิ้วตานั่นก็คือปลายจะยกขึ้นคิ้วจะชนกัน ส่วนตาก็จะสามารถแสดงออกได้ในลักษณะเดียวกัน |
|
|
|
|
|
อารมณ์เสียใจ - ใบหน้าต่อมาที่เราจะมาเรียนรู้กัน คือใบหน้าเศร้าเสียใจ ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากใบหน้าแรกนัก เพราะจุดเด่นจะอยู่ที่ส่วนคิ้วกับส่วนตา ใบหน้าเสียใจจะแตกต่างจากใบหน้าแรกเพราะปลายคิ้วและตาจะตกลง อาจเพิ่มความรู้สึกด้วยการทำให้มุมปากตกลงมาด้วยเช่นกัน หรือจะเพิ่มลูกเล่นด้วยการใส่น้ำตาเพื่อเพิ่มความรู้สึกเศร้าเสียใจมาก |
|
|
|
|
|
อารมณ์ยิ้มและหัวเราะ-ใบหน้ายิ้มเป็นใบหน้าที่ดูสดใสและวาดได้อารมณ์ง่ายที่สุด เพราะสามารถใช้เป็นลักษณะ
ของเส้นโค้งได้ทั้งหมด
ทั้งคิ้ว-ตาและปาก ส่วนลักษณะหัวเราะจะมีเฉพาะส่วนปากเท่านั้นที่แตกต่างกันออกไป
เพราะอาจจะวาด เป็นลักษณะอ้าปากกว้างๆ เห็นฟันก็ได้ด้วย |
|
|
|
|
|
2. เทคนิคการออกแบบใบหน้า |
|
ภาพหน้าตรง เป็นมุมที่วาดง่ายที่สุดและเป็นพื้นฐาน ดวงตาซ้าย-ขวาต้องตรงกัน ได้สัดส่วน ส่วนจมูกอาจจะไม่สมดุล
เพื่อแสดงความสูง ปากอยู่กึ่งกลาง การวาดใบหน้า ถ้าใบหน้ามีแต่หน้าตรงอย่างเดียว ภาพก็จะไร้ชีวิตชีวา |
|
|
|
ภาพหันข้างนิดๆ เป็นมุมที่วาดแล้วสวยที่สุดเพราะดูมีมิติ มุมอวัยวะทุกส่วนบนใบหน้าเฉียงวางไปใน ข้างใดข้างหนึ่งที่หัน เห็นใบหน้าในข้างหนึ่ง ใหญ่กว่า และเห็นส่วนใบหูของข้างนั้นๆด้วย |
|
|
|
ภาพหน้าเงย หัวจะเล็ก คางใหญ่ ส่วนจมูกเชิดขึ้น ให้จมูกอยู่กลางตากับหูก็จะลดตำแหน่งต่ำลง
สรุปว่าจะเห็นส่วนคางใหญ่กว่าส่วนหัว |
|
|
|
ภาพหน้าก้ม ตรงข้ามกับเงยหน้าหัวใหญ่ คางเล็ก จมูกลู่ลง ตากับคิ้วจะเห็นชัดและใหญ่กว่าส่วนอื่น
ถ้าเห็นหูส่วนหูก็จะสูงขึ้น |
|
|
|
3. เทคนิคการวาดท่าทาง |
|
การเคลื่อนไหวแบบปกติ การเดินแบบนี้จะเดินตรงธรรมดา สังเกตุลักษณะการวาดได้จากเท้าข้างหนึ่งจะยกก้าว อีกข้างหนึ่งจะเหยียบปลายเท้า การเดินปกติจะเป็นการสลับเท้าไปมา โดยมีเท้าข้างใดข้างหนึ่ง เหยียบอยู่บนพื้น ไม่ลอยทั้ง 2 เท้า ส่วนมือก็ทำกริยาตามปกติ |
|
|
|
การเคลื่อนไหวแบบเดินหนี เท้าทั้ง 2 ข้างอาจไม่ติดพื้น เป็นลักษณะ
การกึ่งเดินกึ่งวิ่ง มือทั้ง 2 ข้าง
อาจทำท่าคล้ายๆ กับการวิ่งคือเหยียดมือ หรือกำมือเล็กน้อย |
|
|
|
การเคลื่อนไหวแบบเดินแถว คือเป็นลักษณะการเดินแถวของทหาร หน้าจะมองตรง กำมือหรือเหยียดมือ
ลักษณะของเท้าและมือจะเป็นแนวจังหวะเดียวกันคือเท้าใด ไปข้างหน้า
มือข้างนั้นจะไปข้างหลัง
ขาจะมีลักษณะเหยียดตรงไม่งอเข่า การเดินจะมีเท้าข้างใดข้างหนึ่ง เหยียบอยู่บนพื้น ไม่ลอยทั้ง 2 เท้า |
|
|
|
การเคลื่อนไหวแบบวิ่งไล่จับ อาจดูผิดหลักจากความเป็นจริง แต่เพื่อการใส่อารมณ์ การวิ่งนั้น เท้าข้างหนึ่งๆ
จะลอยอยู่เหนือพื้น เป็นลักษณะของการสาวเท้ายาวๆ อาจจะโน้มตัวมาข้างหน้าเพื่อให้ดูเหมือนว่าวิ่งไล่อยู่ |
|
|
|
4. เทคนิคการแสดงอารมณ์ทางใบหน้าและท่าทาง |
|
ใบหน้าและท่าทางของการ์ตูนนั้นควรต้องสอดคล้องกันเพื่อให้การ์ตูนดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
ตกใจ ลักษณะใบหน้าและท่าทางของคนตกใจควร สอดคล้องกันคือใบหน้า จะตื่นตระหนก (สังเกตดูจากตาและคิ้ว)
คนตกใจส่วนมาก จะทำอะไรไม่ถูก การวางท่าทาง ก็จะมีลักษณะเกร็งหรือกางแขนกางขา |
|
|
|
ยั่วยวน ลักษณะใบหน้าและท่าทางการยั่วยวนนั้น มักใช้กับตัวการ์ตูนผู้หญิง จะเน้นได้จาก สายตา
จะคล้ายกับอารมณ์โกรธ
แต่ปากยิ้ม ท่าทางจะดูอ้อนแอ้น นอกจากลักษณะใบหน้าและท่าทางแล้วนั้น
ยังสามารถใช้การแต่งตัวของการ์ตูนเป็นสื่อ
ให้ดูเซ็กซี่มากขึ้น |
|
|
|
นั่งอารมณ์ดี ลักษณะใบหน้าและท่าทางของการนั่ง แบบอารมณ์ดีนั้นก็คือการนั่งท่าสบายๆ
และยิ้มแย้มมีความสุข
ซึ่งจะกล่าวถึงฉากหลังในภาพนั้นๆก็จะ มีความสำคัญมาก เพราะถ้าฉากข้างหลัง
ดูไม่สดใส ภาพการ์ตูนจะยิ้มอย่างไรก็
อาจ ไม่สอดคล้องกัน |
|
|
|
ลักษณะใบหน้าและท่าทางของคนเดินชนกัน จะมีลักษณะคล้ายๆใบหน้าตกใจ
แต่การเดินชนกันจะให้สังเกตุว่าจะมีแรง กระแทกอยู่รอบๆตัวซึ่งเป็นลูกเล่นที่น่า เอามาใช้ในการเขียน
การ์ตูนเพราะจะทำให้ ดูมีการเคลื่อนไหวขึ้น |
|
|
|
มุมมองของภาพ |
|
|
|
การเล่าเรื่องด้วยภาพในงานแอนิเมชั่น ความหมายที่เกิดจากการใช้ขนาดภาพ มุมกล้อง การเคลื่อนที่ ล้วนเป็น
ภาษาสากลซึ่งคนทั้งโลกดูแล้วเข้าใจได้ตรงกัน คนส่วนใหญ่สื่อสารกับภาษาภาพในภาพยนตร์โดยไม่รู้ตัว
แต่สำหรับคนที่ต้องทำงานอยู่เบื้องหลังแล้วการไม่รู้หลักการใช้ภาพในการสื่อสารความหมาย
และอารมณ์ความรู้สึกก็คงไม่ต่างจากคนที่ขับรถโดยไม่รู้ว่าอุปกรณ์ต่างๆในรถ
มีหน้าที่ทำงานอย่างไร
|
|
บทภาพ คือภาษาเขียนในบทแอนิเมชั่นจะถูกแปลเป็นภาษาภาพ โดยเน้นให้ได้ความหมายที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับอารมณ์ของภาพที่ทะลุทะลวงไปยังผู้ชม ไม่ว่าเศร้า ตื่นเต้น น่ากลัว ชวนหัว หรืออื่นๆ
|
|
องค์ประกอบหลักๆ ในภาษาภาพมีอยู่สามอย่าง ได้แก่ หนึ่ง ขนาดภาพ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็อาจเปรียบได้กับพยัญชนะ
ในภาษาไทย สอง มุมกล้อง ซึ่งอาจเปรียบได้กับสระ และสาม การเคลื่อนกล้อง ซึ่งก็คงเหมือนกับวรรณยุกต์
เมื่อนำองค์ประกอบทั้งสาม
มาประกอบเข้าด้วยกัน ก็จะได้หนึ่งภาพ เป็นเสมือนหนึ่งคำที่สมบูรณ์ด้วยความหมาย
และอารมณ์ความรู้สึก |
|
|
|
1. ภาพไกลมาก หรือ Extreme Long Shot (EXS) |
|
เป็นขนาดภาพที่กว้างไกลมาก ขนาดภาพนี้มักใช้ในฉากเปิดเครื่องหรือเริ่มต้นเพื่อบอกสถานที่ว่า
เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน ปกติฉากที่เปิดโดยใช้ภาพขนาดนี้มักมีขนาดกว้างใหญ่ เช่นมหานครซึ่งเต็ม
ไปด้วยหมู่ตึกสูงเสียดฟ้า, ท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา, ขุนเขาสูงตระหง่าน,ฉากการประจันหน้า
กันในสงคราม, ฉากการแสดงมหกรรมคอนเสิร์ต ฯลฯ
จุดเด่นของภาพ Extreme Long Shot อยู่ตรงความยิ่งใหญ่ของภาพ ซึ่งสามารถสร้างพลัง
ดึงดูดคนดูไว้ได้เสมอ |
|
|
|
|
|
2. ภาพไกล หรือ Long Shot (LS) |
|
เป็นขนาดภาพที่ย่อมลงมาจากภาพ Extreme Long Shot คือ กว้างไกลพอที่จะมองเห็น
เหตุการณ์ โดยรวมทั้งหมดได้ เมื่อดูแล้วรู้ได้ทันทีว่าในฉากนี้ ใครทำอะไร อยู่ที่ไหนกันบ้าง
เพื่อให้คนดูไม่เกิดความสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวละครในฉากนั้นๆ ถือเป็นขนาดภาพ
ที่เหมาะกับการเปิดฉาก หรือเปิดตัวละคร เพื่อให้เห็นภาพรวม ก่อนที่จะนำคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากขึ้นในช็อต (Shot) ต่อไป
แต่ในขณะที่เหตุการณ์ดำเนินไป เราก็ยังสามารถใช้ภาพ Long Shot ตัดสลับกับภาพขนาดอื่นๆ
ได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในเรื่อง ถ้าเป็นช่วงที่ต้องการแสดงให้เห้ท่าทางของตัวละคร
มากกว่าอารมณ์สีหน้าก็ควรใช้ภาพขนาดนี้ |
|
|
|
|
|
3. ภาพปานกลาง หรือ Medium Shot (MS) |
|
เป็นภาพที่คนดูจะไม่ได้เห็นตัวละครตลอดทั้งร่างเหมือนภาพ Long Shot แตจะเห็นประมาณ
ครึ่งตัว เป็นขนาดภาพที่ทำให้รายละเอียดของตัวละครมากยิ่งขึ้น เหมือนพาคนดูก้าวไปใกล้ตัว
ละครให้มากขึ้น ภาพขนาดนี้ถูกใช้บ่อยมากกว่าภาพขนดอื่นๆ เพราะสามารถให้รายละเอียด
ได้มากไม่น้อยเกินไปคือคนดูจะได้เห็นทั้งท่าทางของตัวละคร และอารมณ์ที่ฉายบนสีหน้าไปพร้อมๆ
กัน |
|
|
|
|
|
4. ภาพใกล้หรือ Close up (CU) |
|
เป็นขนาดภาพที่ตรงกันข้ามชนิดสุดขั้วกับภาพ Extreme Long Shot คือจะพาคนดูเข้าไปใกล้
ตัวละครมากๆ เช่น แค่ตา ปาก จมูก เล็บ รวมเปถึงการถ่ายสิ่งของอื่น ๆ อย่างชิดติด เพื่อให้เห็น
รายละเอียดกันอย่างจะแจ้ง เช่น ก้อนนำแข็งในแก้ว, หัวแหวน, ไกปืน เป็นต้น เป็นต้น
การเลือกใช้ขนาดของภาพต้องให้มีความหลากหลาย ระวังอย่าใช้ภาพที่มีขนาดเท่ากันมาเรียงต่อกันบ่อยๆ เพราะจะทำให้งานดูไม่น่าสนใจวิธีที่ดีที่สุดในการศึกษาการใช้ขนาดภาพ คือหาภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่โปรดปรานมาสักเรื่องเปิดดูอย่างช้าๆ ค่อยๆเรียนรู้วิธีการใช้ขนาดภาพ ลองวิเคราะห์ดูว่าทำไมเขาถึงเลือกใช้ขนาดภาพแบบนั้น รับรองในไม่ช้า คุณจะเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมากทีเดียว
ที่มา : http://www.kanlayanee.ac.th/animation/web/eyepicture.htm# |
|
|