Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

 

            การสร้างผลงานด้านแอนิเมชั่นนั้น สามารถทำขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์
ของชิ้นงานที่เราทำขึ้นอยู่ในแบบใด จึงจะเข้ากับเทคนิคในการสร้างในรูปแบบต่างๆ โดยพื้นฐานแล้วเรา
แบ่งออกเป็น 3 อย่าง ได้แก่ Draw Animation, Model Animation, Computer Animation
ซึ่งทั้งสามอย่างสามารถผลิตหรือสร้างผลงานแอนิเมชั่นออกมาแตกต่างกันดังนี้

 
 

                   1. Draw Animation เป็นการวาดภาพแต่ละภาพด้วยมือต่อเนื่องกันไปจนได้เป็นแอนิเมชั่น
การสร้างแอนิเมชั่นเพียงไม่กี่วินาทีด้วยแอนิเมชั่นประเภทนี้ต้องใช้ภาพวาดหลายพันภาพ ทำให้ต้องใช้เวลาในการผลิตนาน
และต้องใช้นักวาดแอนิเมชั่นจำนวนมาก ส่งผลให้ใช้ต้นทุนสูงด้วย ในการที่จะผลิตงานด้าน Draw Animation
มีเทคนิคในการสร้างผลงานด้านแอนิเมชั่นได้หลากหลายรูปแบบอาทิเช่น Onion Skin เป็นเทคนิคของเซลแอนิเมชั่น
โดยการวาดภาพจำลองการเคลื่อนที่ของวัตถุ อย่างต่อเนื่อง ในแต่ละเฟรมซ้อนกัน ทำให้มองเห็นลำดับ
ในการแสดงภาพเคลื่อนไหวในแต่ละเฟรมได้ เอนิเมเตอร์จะวางภาพในแต่ละเฟรมซ้อนทับเฟรมก่อนหน้า ทำให้การเขียนภาพการเคลื่อนไหวที่ในเฟรมถัดไปทำได้ง่ายขึ้น รวมถึง Flip Book เป็นการแสดงภาพที่วาดลงบนแต่ละหน้า
ของสมุดทีละภาพเรียงกันไป โดยแต่ละหน้าของสมุดจะถูกเปิดต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ทำให้มองเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหว

 
     
 

ที่มา : https://www.youtube.com/watch?time_continue=22&v=_wT4gHiJ26o

 
 

                   2. Model Animation หรือ Stop Motion เป็นเทคนิคการปั้น หรือการสร้างโมเดลโดยใช้ดินน้ำมัน หรือวัสดุใดๆก็ตามในการสร้าง และทำการขยับทีละนิดเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหว และใช้กล้องบันทึกภาพทุกขณะที่ทำการขยับหรือเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของวัตถุ จึงทำให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหว แต่ต้องใช้ความละเอียดมาก ภาพจึงจะออกมาดูเหมือนจริง รวมถึงต้องมีการกำหนดจังหวะของแต่ละฉากอย่างชัดเจนไว้ก่อนหน้าที่จะเริ่มทำการถ่ายทำ

 
     
 

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=PhQ1MXMYvac

 
 

                   3. Computer Animation เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยสร้างแอนิเมชั่นโดยใช้โปรแกรมต่างๆ เช่น Maya, 3D MAX ,
Adobe After Effect หรือ Flash โดยจะใช้เครื่องมือที่โปรแกรมได้จัดเตรียมไว้ เช่นการปรับผิวของวัตถุ และรอยหยักตามขอบภาพ
นอกจากนี้ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ไม่สามารถถ่ายทำได้จริงให้เกิดขึ้นได้ด้วย อ าทิเช่น เทคนิค Rotoscope เป็นเทคนิค
ในการสร้างแอนิเมชั่นในยุคแรก โดยแอนิเมเตอร์ใช้เพื่อลอกลายเส้นของวัตถุในแต่ละเฟรมของแอนิเมชั่น
แล้วนำไปสร้างโครงร่างที่เรียกว่า Matte โดยลายเส้นของวัตถุจะถูกแทนที่ด้วยเส้นในลักษณะต่างๆ ทำให้ได้ภาพที่แตกต่างไปจากเดิม

 
     
  ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=Xpz27JFDzBM  
 

                   4. เทคนิค RACK MOTION เป็นเทคนิคการซ้อนภาพ หรือเอฟเฟคบนจุดแท็ก(Track) ที่มีการวางแผนงาน
ก่อนการถ่ายทำขึ้น ซึ่งจุดแท็กจะทำหน้าที่บอกถึงตำแหน่งระหว่างภาพหรือวิดีโอ กับสิ่งที่เราเพิ่มเข้าไปในตัวงาน ซึ่งด้วยเทคนิคนี้ เราสามารถสร้างงานในหลากหลายรูปแบบ และยังทำให้ภาพที่ออกมาดูสมจริงขึ้นเป็นอย่างมาก รวมถึงการสร้างผลงานแอนิเมชั่น
จากคอมพิวเตอร์ทั้งหมดซึ่งจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำ รวมถึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ตามที่วางแผนไว้ โดยอาจใช้เวลา
ในการทำมากหรือน้อยกว่าการถ่ายทำจริง ขึ้นอยู่กับความยากง่าย ของชิ้นงาน เช่น ก้านกล้วย ยักษ์ หรืออย่างผลงานต่างประเทศอย่าง
Madagascar, Toys story เป็นต้น

 
   
 

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=nWRfdn6jaC8

 
 

 

::เว็บไซต์นีสร้างขึ้นเพื่อการศึกษาเท่านั้น::
บทเรียนบนระบบเครือข่าย รายวิชา โปรแกรม Animation รหัส ง33242 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
จัดทำโดย : นางสาวสุภาพร ก้อนเทียน